วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บันทึกประจำวันที่ 15 (วันอังคารที่ 14 เมษายน 2552 )

วันอังคารที่ 14 เมษายน 2552 [ทบทวนบทเรียน]

กิจกรรมวันนี้ก็มีเรียนเช้าบ่ายปกติ ไม่มีอะไร เวลาว่างก็นั่งสรุปบทเรียน
กรรมฐานที่ทำมาในแต่ละวัน ทั้งจากทำเอง อ่านหนังสือ พระอาจารย์สอน ประยุกต์ใช้
การใช้จริง ทั้งหลายทั้งปวงก็พยายามไปอ่านทบทวน ทั้งบันทึกประจำวัน ทั้งที่จด
มาจากบทเรียน ทั้งจากที่ทำประสบมาเอง รวบรวมๆ มาเรียบเรียงรวมไว้ที่เดียวกัน
เป็นการสรุปผล ขั้นตอนการพัฒนามาเรื่อยๆ ก็กะว่าคืนนี้กับคืนพรุ่งนี้
2 คืน จะใช้เวลาทบทวนบทเรียนแล้วสรุปๆออกมาให้หมด นอนน้อยหน่อย
ก็คงไม่เป็นไร เพราะวันพฤ.กับวันศุกร์ก็ลาไว้แล้ว แถมรัฐบาลประกาศหยุดเพิ่มด้วย

แล้ววันนี้โชคดีมากเลย พระอาจารย์มหาสนทยากลับมา แล้วมาพานำทำวัตร
จังหวะสวดท่านแปลกๆแต่ก็เร็วดี แล้วท่านก็สวดเสียงดังมาก กระพึ่มเลยทีเดียว
ก็มึนกันตามๆกัน แล้วท่านก็มีมาตรการเด็ด ทำวัตรเย็นยังไงๆก็ 2 ชม.
กำหนดไว้ตายตัว เป็นการฝึกสำรวจดูความทุกข์ ความอยากในตัวเอง
ใครทรมานมาก ก็เป็นเพราะตัณหาคือความอยาก มีมาก แล้วก็เป็นยังงั้นจริงๆ
สวดมนต์เสร็จก็ให้นั่งสงบใจประมาณ 15 นาที แล้วนั่งต่ออีกประมาณ 30 นาที
กระสับกระส่ายกันมากๆ แต่ที่ท่านสอน เราฟังแล้วสุดยอดเลย

ท่านสอนเรื่องกรรมฐานกับมรรค 8 การทำกรรมฐานมันมีมรรค 8 อยู่ในนั้น
การมองเก็นทุกข์ (สัมมาทิฐฐิ) การมองดูมันอย่างวางเฉย มองตามจริง
มีความเพียรตั้งอยู่ ไม่สุข ทุกข์ไปกับอาการต่างๆ แต่ระลึกรู้ตัวอยู่ ตั้งมั้นมีสมาธิอยู่
ทั้งหมดเกิดขึ้นพร้อมกัน ขณะเดียวกัน

พึ่งเข้าใจว่ามรรค 8 ปฏิบัติกันแบบนี้ ฝึกกันแบบนี้นี่เอง กรรมฐานจึงเป็น
ทางที่จะไปถึงการตรัสรู้ได้

แล้วพอจบก็ไปถามถึงอาการต่างๆที่เคยทำๆมา พระอาจารย์ก็บอกถึง
วิธีการทำ วิธีการคิดที่ถูกต้องมาให้ คืนนี้คงต้องเปลี่ยนแผน ยังไม่สรุป ต้องลุยทำ
ตามที่พระอาจารย์แนะนำดูก่อน สู้ๆ

--------------------------------------------------------------------------------------------

ความทุกข์มันไม่ได้เกิดที่ร่างกาย
มันเกิดที่ใจ -- ตัณหา 3
- อยากได้ในสุข
- ไม่อยากได้ในทุกข์
- ...

[สมาธิ กรรมฐานที่ดี (จากที่ถามพระอาจารย์มา)]
- มีสติ ระลึกรู้อาการของกาย ใจทั้งหมด
- สุขรู้
- ทุกข์รู้
- เฉยๆรู้
- ขณะจิตฟุ้งซ่านให้กำหนดรู้ มันจะดับไป
- ต้องระลึกรู้บ่อยๆ ไม่ปล่อยให้มันฟุ้งไปยาว
พยายามฟุ้งแล้วรู้ ฟุ้งแล้วรู้
- จิตธรรมชาติมันจะวิ่งตลอด - อนาคต/อดีต
ต้องฝึกให้มันอยู่กับปัจจุบันขณะให้ได้ คือ รู้ตัวอยู่
- วางเฉยทั้งในความพอใจ และความทุกข์ ปล่อยมันวางลง สักแต่ว่ารู้เพียงอย่างเดียว
- หยุดความคิดต่างๆลง สักแต่ว่ารู้ แล้วปล่อยมันวางลง ไม่ต้องหาเหตุ หาผลใดๆ
- ทำให้ได้ 1 ชม.
- ทำสัจจะอธิษฐานให้ได้
- ทำความเพียรให้ถึง
- ขันติ
- ถ้าสมาธิยังไม่เกิด ให้อดทนไปก่อน (ทนกับความทุกข์)
แล้วพัฒนาเป็นการเจ็บปวดแต่ไม่ทุกข์แทน ปล่อยวางมันให้ได้

- สมาธิวันนี้ดูดีขึ้นแต่ยังมีหลับๆบ้าง

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บันทึกประจำวันที่ 14 (วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2552 )

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2552 [สงกรานต์ ฉ่ำบุญ]

วันนี้ก็คล้ายๆกับเมื่อวานเลยคือ กิจกรรมเหมือนกันเลยแต่วันนี้ไม่ได้ไปบิณฑบาตร
แต่ออกไปนั่งที่ลานหินโค้งตั้งแต่ 6:15 เลย นั่งอยู่ลานหินโค้งนานที่สุดเลยวันนี้
ตั้งแต่ประมาณเกือบๆ 7 โมงถึงประมาณเที่ยงเลย พักล้างบาตรแป๊บเดียว
เมื่อยมาก พยาามจะนั่งสมาธิก็นั่งได้ไม่นานมากประมาณ 15-20 นาทีก็ไม่ไหวแล้ว
นั่งบิดไป พลิกมาอยู่ยังงั้น ก็ฝึกความอดทนดี แล้วยังมีฝนตกลงมาด้วย ดีว่าไม่แรง
ตกแค่ประมาณ 5 นาที ก็ค่อยยังชั่ว เปียกนิดหน่อย แล้วแดดก็ออกทั้งวันเลย
ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอจริงๆ วันนี้ก็ไม่ได้มีใครมาเยี่ยม ก็เลยว่างๆด้วย

ตอนบ่ายวันนี้ก็ไม่มีเรียน จบกิจกรรมช่วงเช้าก็ว่างถึงเย็นเลย
เวลาว่างๆส่วนใหญ่ก็อ่านหนังสือ พุทธประวัติที่ท่านพุทธทาสเขียน ก็อ่านง่ายดี
แล้วก็ไม่ได้มีปาฏิหาริย์อะไรมากมาย ดูแล้วท่านเป็นคนธรรมดาๆเลย ก็เคยคิด
อยู่เหมือนกันว่าเรื่องจริงๆ อาจจะเป็นแนวนี้ก็ได้ พอมาได้อ่านแนวนี้จริงๆ ก็เลยชอบเลย

ตอนค่ำก็บังเอิญหลังจากทำวัตร พระอาจารย์เปิด cd พุทธประวัติให้ดูอีก
เลยได้เปรียบเทียบกับที่อ่านมาพอดีเลย ส่วนใหญ่ก็คล้ายๆกันแต่ vcd ตัดเยอะมาก
รวมถึงรายละเอียดน้อยมากๆ ก็คงเพราะเวลาจำกัดนั่นแหละ

เดี๋ยวก่อนนอนคงทำสมาธิไม่นานมาก เพราะดึกมากแล้ว

------------------------------------------------------------------------

เวลาที่เหลืออีก 2 วัน ใช้สรุปประสบการณ์ทั้งหมด
ที่ได้จากการบวชมาทำเรียงเป็นลำดับๆ
เน้นเรื่องกรรมฐานเพียงอย่างเดียวก่อน
- บทเรียน
- ความรู้สึกตอนปฏิบัติ
- การพัฒนาการ
- ผลที่เห็นและการนำไปใช้
- การพัฒนาต่อไป

บันทึกประจำวันที่ 13 (วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2552)

วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2552 [เดินตามหลวงพ่อปัญญา]

วันนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ครั้งที่ 2 (ครั้งสุดท้ายแล้ว อิๆ) คนเยอะมากมาย เหมือนอาทิตย์
ที่แล้วเลย วันนี้แป้งมาด้วยได้คุยกันแป๊บๆเอง ได้เห็นหน้าพี่แป้งแล้ว
ก็หายห่วง ทุกอย่างเรียบร้อยดี ก็ต้องขอบคุณ อนุโมทนาพี่แป้งด้วย ที่ไม่งอแงเลย
อดทน ไม่บ่นอะไรซักคำ ก็ถือว่าได้ทำบุญร่วมกันนะ อนุโมธนา สาธุ

วันนี้เช้า ทั้งเช้าก็อยู่ที่ลานหินโค้ง แทบจะตลอด นั่งฟังหลวงพ่อพระอุปัชฌา
เทศน์ให้ญาติโยมฟัง ก็รู้สึกไม่ทรมานเหมือนอาทิตย์ก่อนแล้ว อาทิตย์ก่อน
ที่อยู่หินโค้งทั้งเช้าแบบนี้ ปวดหลังมาก เมื่อยขาด้วย ทรมานสุดๆ
แต่วันนี้ไม่ปวดหลังเลย เท่ากับการฝึกนั่งกรรมฐานทุกๆวัน ของเราออกผลแล้ว
ก็น่าดีใจ แล้วก็ภูมิใจที่อดทน พยายามมา

วันนี้เริ่มประเพณีสงกรานต์ด้วย มีการสรงน้ำพระ (ญาติโยมรดน้ำที่มือพระ) ก็ดูสวยงามดี
ประเพณีไทย เห็นญาติโยม ปู่ย่า ตายายแก่ๆ เวลารดน้ำพระจะยิ้มดีใจ
รดเสร็จก็ยกมือไหว้ สาธุ เห็นแล้วน่าปลาบปลื้มใจ ต้องทำตัวให้ดีขึ้นๆไป
เพื่อคุ้มกับที่ญาติโยม กราบไหว้

ตอนบ่ายก็มาถ่ายรูป เพื่อลงหนังสือรุ่น ก็รู้สึกไม่ดีนิดนึงที่ความสามัคคี ความพร้อมเพรียง
ไม่ค่อยมีกันเลย เพื่อนประกาศเรียกหลายรอบอยู่ ถึงจะออกมากันได้ ก็เอาเถอะ
เราต้องพยายามปฏิบัติตัวเองให้ดีที่สุดละกัน จะได้ไม่เสียใจทีหลัง

ตอนค่ำก่อนทำวัตรเย็นได้ดู CD วันที่บวช (ที่ออกทีวี) รู้สึกเร็วมาก แปปเดียวจะสึกแล้ว
นึกถึงวันนั้นก็นึกถึงความตั้งใจ ก่อนบวช ถึงวันนี้ก็ถือว่าพอใจนะ กับการปฏิบัติที่ผ่านมา
มีย่อหย่อน ฟุ้งซ่านกันไปบ้าง ก็ธรรมดาโลก ^o^

หลังทำวัตรได้ดู cd หลวงพ่อปัญญาที่ออกคนค้นคน สุดยอดมาก หลวงพ่อท่าน
อายุ 96 ปี เดินไม่ค่อยจะไหว ต้องมีคนพยุงตลอด ท่านยังทำงานทุกวัน ออกไปรับกิจ
นิมนต์ ทุกวัน ตอนท่านไปนอนรพ. ยังแว๊บออกมาอัดรายการวิทยุด้วย ท่านสุดยอดจริงๆ
ขอน้อมนำการปฏิบัติของท่านมาเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตต่อไปครับ สาธุ

------------------------------------------------------------------------

อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา [สามัญลักษณะ 3]
- อนัตตา ความไม่มีตัว ไม่มีตน
ทุกสิ่งเป็นสิ่งที่จิตนำมาปรุงแต่งขึ้น
รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
- อะไรคือสวย
คนๆเดียวกัน คนนึงบอกว่าสวย อีกคนบอกว่าไม่สวย
แปลว่าสวยไม่สวยมันอยู่ที่ไหน มันอยู่ที่ใจ
แปลว่าสวย ไม่สวย มันไม่มี ใจมันปรุงแต่งเองขึ้นมา
- อะไรคือหอม
ทุเรียนบางคนบอกหอม บางคนบอกเหม็น
น้ำหอมแต่ละกลิ่น บางคนบอกหอม บางคนบอกเหม็น
แปลว่าความหอมก็เกิดที่ใจ ใจมันปรุงแต่ง
- ถ้าใจไม่ปรุงแต่ง?
รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ต่างๆ
ความชอบ ความเกลียด ความเจ็บปวด มันเกิดจากการปรุงแต่ง
ทั้งสิ้น แท้จริงแล้ว มันไม่มีตัว ไม่มีตน ไม่มีอะไร
แต่จิตเราไปปรุงแต่ง สัมผัสต่างๆเข้าเกิดเป็นความสวย
ความหอม ความอร่อย ความชอบ ความเกลียดขึ้นมา
- การฝึกจิต
ฝึกให้ควบคุมมันได้ ควบคุมการปรุงแต่งของจิต
ระงับการปรุงแต่ง ว่าสวย ว่างาม ว่าอร่อย ไม่อร่อย ชอบ ไม่ชอบ
เมื่อระงับมันลงได้ บรรเทามันลงได้ ความทุกข์ก็เบาบางลง
ความสุข ความสงบ มันก็เพิ่ม

ขออธิษฐานน้อมนำเอาหลวงพ่อปัญญาเป็นครูอาจารย์ที่เคารพ
ที่ยึดถือไว้ในจิตในใจ เป็นตัวอย่างที่ดีของผมต่อไป
ขอเดินตามแนวทางการปฏิบัติของหลวงพ่อครับ สาธุ

ก่อนนอนทำสมาธิเต็มที่

------------------------------------------------------------------------

พระพรหมมังคลาจารย์ หลวงพ่อปัญญา นันทะ

แนวทางปฏิบัติของท่านสุดยอดมากๆ เอาประโยชน์เป็นที่ตั้ง ไม่ยึดวัตถุเลย
อะไรไม่ถูกต้อง ท่านจะสอน จะว่าหมด

อายุ 96 ท่านไม่มีขี้เกียจเลย ไม่นอน มันเสียเวลา
ท่านว่า เวลาท่านเหลือน้อย มีเวลาต้องรีบทำงาน ตายแล้วมันทำไม่ได้
ทั้งๆที่ร่างกายท่านก็แก่มากแล้ว ท่านยังตื่นแต่เช้า ทำงานตั้งแต่เช้าจนค่ำ
ทำอย่างสนุก ทำอย่างมีกำลังใจ อยากสอนคน อยากช่วยคน

ดู vdo ของท่านแล้ว น้ำตาจะไหล พูดได้เต็มปากเลยว่า แบบนี้แหละ
กราบได้สนิทใจเลย แล้วท่านยังประหยัดมาก แม่บ้านจะซักผ้า ท่านยังว่าเปลือง
ปิดไฟที่กุฏิ ถ้าไม่มีคนอยู่ตลอด

เวลาท่านออกไปสั่งสอนที่ไหน เดินไม่ค่อยสะดวก ต้องมีคนพยุง
ต้องนั่งรถเข็น ใครถามว่าท่านเหนื่อยมั้ย ท่านก็ว่าไม่เหนื่อย
หิวมั้ย ท่านก็ไม่หิว ตอนไปนอนรพ. แล้วท่านจะออกไปสถานีวิทยุ
ไปอัดรายการ คนถามท่านว่า อยู่รพ.แล้วยังออกไปทำงานอีกเหรอ
ท่านยังทำท่า กระฉับกระเฉง แล้วว่า โอ้ย แข็งแรง เห็นแล้วน้ำตาจะไหล
ซาบซึ้งกับกำลังใจ การปฏิบัติ ความเมตตา อยากสั่งสอนญาติโยมมากๆ
(รายการวิทยุของท่านจะมีเวลาประจำ ท่านจะไปตลอดไม่เคยขาด)

แต่ละวันท่านจะไปนู่นมานี่ นั่งรถไปไกลๆ กลับมาท่านก็ยังเทศน์ต่อที่วัดอีก
ซาบซึ้งในน้ำจิตน้ำใจของท่าน ขอให้ท่านไปสู้สุขคติ มีความสุขในภพ ในภูมิที่ท่านอยู่
ขอให้ท่านมีควมสุขมากๆ สาธุ